Tag Archives: มาเก๊า

เที่ยวฮ่องกง-มาเก๊า #1



ทริปนี้จะขอเล่าประสบการณ์การเดินทางไปท่องเที่ยวฮ่องกง-มาเก๊าให้ฟังครับ ขอบอกว่านี่ใช้เวลาการเตรียมการนานมากกว่าจะได้เดินทาง สาเหตุก็คือเรารอช่วง Air Asia เขามีโปรถูกๆ ออกมาเช่นเคย เพราะราคาตั๋วไปกลับจะถูกมากลดค่าใช้จ่ายได้เยอะเลยทีเดียว

ถึงแม้ว่าเราจะมีเวลาเตรียมตัวจะนาน แต่เอาเข้าจริงงานก็ยุ่งๆ สรุปเลยไม่ค่อยได้ดูรายละเอียด ทำให้ทริปนี้เรื่องชวนตื่นเต้นอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว โดยเฉพาะผู้ร่วมทางอาวุโส

เริ่มต้นก็ชวนเพื่อนๆ ร่วมทริปมีใครสนใจไปไหม บางทีไปหลายคนมันก็อุ่นใจ กว่าไปคนเดียวเนอะ พอได้พรรคพวกร่วมอุดมการณ์ แผนการก็เดินหน้า หาตั๋วถูกๆ ซิ air asia ชอบมีลดราคายั่วใจ รอไปสักพักก็ได้ละโปรมาจริงๆ ด้วย จองตั๋วออนไลน์เสร็จสรรพ สำหรับการจองตั๋วเทคนิคที่สำคัญคือการหาเพื่อนร่วมทางไว้ล่วงหน้า จากนั้นให้เข้าไปที่ www.airasia.com เพื่อพิมพ์รายชื่อผู้โดยสารไว้ล่วงหน้า—เลขบัตรประชาชน+วันหมดอายุ—หรือ Passport No. (ถ้าให้ดีเอาสำเนา Passport No. ของทุกคนมาเก็บไว้เลย เผื่อตอนเช็คอินออนไลน์ด้วย)—บัตรเครดิตที่เตรียมตัดเงิน

จากที่สังเกต…การจองตั๋วที่ได้ราคาถูกที่สุดต้องจองล่วงหน้าประมาณ 8 เดือน หลังจากนั้นก็จะแพงขึ้นเรื่อย ๆ คราวนี้เบ็ดเสร็จค่าตั๋วไป-กลับ 4200 บาท/คน (ซื้อประกันและเลือกที่นั่งแถว 6 แล้วภูมิใจมั่ก ๆ)

จองโรงแรมที่พักฮ่องกงล่วงหน้าแค่ 2 เดือน การตัดสินใจดูจากที่พักกับท่าเรือเป็นหลัก แต่ข้อดีของสาขานี้คือใกล้ท่าเรือ HK Macau Ferry Terminal มาก ๆ เนื่องจากเราต้องข้ามเรือจากมาเก๊ามา และถ้าเราต้องไปพักที่เดินไม่ถึง ก็จำเป็นต้องนั่ง MRT จะกะเล้อกะลังกันไปไหน ที่นี่ล่ะตอบโจทย์ได้ ดูจากเว็บ http://www.hopinn.hk แล้วดูทันสมัยกว่า   เราติดต่อผ่านอีเมลโดยไม่สามารถเลือกสาขาได้เนื่องจากต้องการ triple room ไปกัน 6 คน จะได้จองแค่ 2 ห้อง  แต่สุดท้ายก็เต็มหมดแล้ว ทาง Hop Inn แจ้งว่าเหลือเฉพาะที่  Hop Inn  สาขาถนน Carnarvon ย่านจิมซาจุ่ย ที่ตึก James S. Lee Mansion ชั้น 9 ทั้ง ชั้นเป็นของ hop Inn เราพัก 2 คนต่อ 1 ห้อง นาทีนี้ก็ได้ทั้งนั้น สรุปคือได้ 3 ห้อง HK$ 1900 เนื่องจากถ้าไม่รีบตัดสินใจอาจได้นอนสนามบิน เราติดต่อกับ Hop Inn ผ่านอีเมล การตอบเมลของที่นี่เร็วมาก มีหลายกะก็จะเปลี่ยนคนตอบไปเรื่อย ๆ เช่น Iris,  Joyce,  Ellen ทุกคนตอบเมลเร็วและชัดเจน มีการประสานงานระหว่างเจ้าหน้าที่ดีมาก  เราก็งู ๆ ปลา ๆ in English ล่ะ เริ่มจากเมลไปสอบถามก่อน ถ้าตกลงแล้ว…ก็บอกรหัสบัตรเครดิต

การเดินทางจากท่าเรือ เมื่อออกจากท่าเรือ Hk Macau Ferry Terminal แล้ว ให้เดินไปทางถนน Canton rd. –> Haiphong rd. –>Nathan rd. และ เดินไปตาม Humphrey rd.  หักขวาเล็กน้อยเจอ 7-eleven เดินเลยไปนิ้ด เจอช่องเข้าตึก ทางซ้ายเจอป้าย Hop Inn ใหญ่ ๆ ก็ขึ้นลิฟท์ตัวทางขวานะจ๊ะ (สำหรับชั้นเลขคี่) แผนที่แจ่ม ๆ  http://www.hopinn.hk/en.html?article=&id=18  ตอนเราไปยังแผนที่เก่ากว่านี้อ่ะ อันนี้ชัดเจนมากกกกกก

map6Jun12

การจ่ายเงินก็แค่เอารหัสบัตรเครดิตแจ้งทาง hopp Inn เมื่อไปถึงค่อยรูดปื้ดๆ (ทำให้คนอย่างเรามีเวลาหมุนเงินได้อีก) เค้ามีอีกสาขาที่ Hankow อยู่ไม่ไกลกันนัก ไม่รู้ทำไมคนไทยชอบที่นี่จัง ดูจาก Reviews ในเว็บบอร์ดต่างๆ นั่นแหละเขาว่าโอเค และไม่แพงนัก แต่ถ้าใครนอนหลับยาก ๆ บอกว่าไม่ค่อยสงบ ความปลอดภัยยอดเยี่ยม มีการแบ่งโซนต้องเสียบบัตรถึงเข้า private zone ได้ดีจัง ห้องที่เราพักไม่มีหน้าต่าง เป็นเตียงเดี่ยวนอน 2 คน ห้องเล็กมาก โดยเฉพาะห้องน้ำเล็กมั่ก ๆ แต่ของห้องอื่นโอเค

จากนั้นก็จองโรงแรม OLE London Hotel ภายหลังเขาเหลือแต่ชื่อ London Hotel นะครับ ตัดตัวหน้าออก แต่ก็คืออันเดียวกัน

สำหรับ LONDON ถือว่าดีมาก เนื่องจากเป็นรูปแบบโรงแรม เราจองผ่าน www.agoda.com เลือกห้อง triple room จ่ายเงินล่วงหน้าผ่าน agoda เรียบร้อย แต่ พอไปถึงก็เอาใบจองของ agoda ไปยื่นให้อาเฮีย แต่ทริปเรามีข้อจำกัดคือ กว่าจะข้ามจากเกาะฮ่องกง ก็ดึกแล้วมัวแต่ไปนองปิง (เสียเวลามาก แถวย้าวยาว) ดิสนี่แลนด์ (ไปก็ใกล้เย็นแล้ว ชะแว้บ ๆ) เรากังวลว่าถ้าเข้าโรงแรมช้าจะเป็นอย่างไรที่โน่นเช็คอินบ่ายสองโมง เช็คเอาท์ประมาณเที่ยง ร้อนรน หาทางโทรศัพท์
การโทรต่างประเทศที่ฮ่องกง เราโทรผ่าน skype ก็ไม่สำเร็จ ไปถามอาเจ้ร้าน 7-eleven เพื่อซื้อ Phonecard for International ราคา HKD 50 หาที่โทรไม่ได้ มีแต่หยอดเหรียญ อันนี้ได้บัตรโทรศัพท์มา ทำไงดีหว่า ไปถามวัยรุ่นที่รถไฟใต้ดิน วัยรุ่นว่าหาโทรได้ มี ๆ แต่กรอก Pincode หลังบัตร โทรได้เลย ร้อนรนอยู่นาน  จนมาเจอโทรศัพท์หน้า Disneyland ดีใจอย่างกะถูกหวย แต่เหมือนสิ้นสุดหนทาง เอ้า มีที่เสียบบัตรตามที่เราเข้าใจ แต่บัตรเราไม่มีซิมการ์ด ทำไง เหรียญ ๆ เป็นที่พึ่งสุดท้าย หยอดเหรียญเข้าไปหลอกมันเซ่ แล้วกดรหัสภาษา –> กด Pincode –>กดรหัสประเทศ –>โทรโลด แล้วระบบจะแจ้งว่า จะโทรได้กี่นาที แหม..HKD50 โทรไปมาเก๊าได้ 15 นาที แต่ถ้าโทรกลับ BKK ได้ตั้ง 1 ชั่วโมงกว่า… การโทรไม่ได้ยุ่งยากอย่างใจคิดโทรแจ้งที่ London Hotel ว่าจะเข้าก่อนเที่ยงคืนนะ เพราะจะข้ามฝั่งจากฮ่องกงมา ปลายทางบอก No Problem เฮ้อ…  กว่าจะนั่ง terbo jet กลับก็หมดแรง และก็นั่งเรือรอบสุดท้ายทีเดียว ลงเรือฝั่งที่เกาะไทปา จากนั้นก็ขึ้นแท็กซี่โลดไปที่โรงแรม London
การเช็คอินที่ London Hotel เมื่อเปิดประตูเข้าไปเจออาเจ๊กนั่งอยู่ที่เคาน์เตอร์ พูดภาษาอังกฤษไม่ได้ เราแค่ยื่นใบจองของ agoda ให้ เพียงเท่านี้ก็เข้าใจกัน เพราะมีภาษาจีนอยู่ด้วย หลังจากที่เช็คอินเสร็จแล้ว อาเจ๊กก็ยื่นกระดาษมาให้ว่าเป็นค่า
2 ห้องแตกต่างกันมาก ระหว่าง 605 และ 607  ห้อง 605 ที่เรานอน มี 2 เตียง และ 1 เตียงเสริม ห้องน้ำ 1 ห้อง แต่ห้อง 607 เดินขึ้นบันไดเป็นชั้นลอย มี 1 double bed และ 2 single bed และ 2 ห้องน้ำ ห้องกว้างใหญ่ไพศาล
สำหรับโรงแรมทั้ง 2 ที่ถือว่าโอเคครับ
Hop inn ฮ่องกง ดูเหมือนจะเป็น service apartment ไม่ค่อยเหมือนโรงแรมเท่าไหร่ อยู่ชั้น 9 ของตึก ป้ายก็จะหายากนิดเพราะเล็ก และอยู่ในตัวตึก แต่ก็ไม่ยากเกินไป อยู่ติด 7-11, มีร้านอาหารอร่อยๆ หลายๆ ร้านแถวๆ โรงแรม และที่สำคัญอยู่ใกล้สถานีรถใต้ดิน Tsim Sha Tsui จากสถานีรถไฟเดินไปแป๊บเดียว (3-5 นาที แล้วแต่ขายาวขาสั้น) ถึงทำให้สะดวกในการตะลอนทัวร์ยิ่งนัก เจ้าของบริการดีมาก มี wifi ให้ใช้ฟรี ตอน check out ออกไปแล้วเรายังฝากกระเป๋าไว้ได้ แต่ต้องไม่เกินภายในวันนั้น ต้องรีบมาเอาคืนครับ มิเช่นนั้นจะคิดเงิน  ฮึ่ม!!!
London Hotel ที่มาเก๊าก็ถือว่าใช้ได้ครับ ถือว่าดูใหม่ทีเดียว อาหารเช้าที่โรงแรมมีบริการแต่ต้องจ่ายเพิ่ม เวลาประมาณ 8 โมงเช้า มี wifi ให้ใช้ฟรี อยู่ใกล้ๆ ป้ายรถของ Venetian สาย Yuet Tung Pier เลย นั่งไปชม Casino เขาจัดรถรับส่งมาที่นี่ฟรีครับ
แลกเงินต่างประเทศ
เอาล่ะจะได้เวลาเดินทางแล้ว ไปแลกเงินเพื่อเอาไปใช้จ่ายกันดีกว่า
เนื่องจากเราจะไป 2 ประเทศ ก็ต้องแลก Dollar Hong Kong กับ MOP มาเก๊ามาตุนไว้เสียก่อน เราลูกค้าขาประจำ Super Rich ครับ ไปแลกมาซะหน่อย
เชคอินแอร์เอเซียที่ดอนเมือง
เที่ยวนี้โชคดีแอร์ เอเซียย้ายมาทำงานที่ดอนเมืองแล้ว ทำให้ประหยัดเวลาการเดินทาง และค่ารถไปโขเลย เราก็ไปเชคอินก่อนเดินทางตั้ง 2 ชั่วโมงแบบว่ากันพลาดอ่ะนะ
การเดินทางวันที่ 1
รอบนี้ เราบินลงสนามบินมาเก๊า ร่อนลงแบบเสียวๆ เหมือนจะลงน้ำเลย สนามบินเขาลอยน้ำครับ แต่ความรู้สึกเหมือนร่อนลงทะเลย พอไปถึงที่นู่นเราก็ปรับเวลานาฬิกานิดนึง ทางฟากนู้นเวลาจะเร็วกว่าประเทศไทย 1 ชั่วโมง
พอลงเครื่องเสร็จก็ต้องรีบนั่ง Taxi ต่อ เพื่อไปนั่งเรือ TurboJet ไปนอนฮ่องกง แทกซี่ก็คล้ายๆ บ้านเรานะมี meter แล้วก็คนขับอีก 1 คน
พอถึงท่าเรือก็เข้าคิวซื้อตั๋ว
ขอบอกไว้ก่อนว่าที่มาเก๊านี่ส่วนมากเขาพูดภาษาจีน แต่ก็มีส่วนที่พูดภาษาอังฤษได้ ซึ่งมัจะเป็นกลุ่มที่การศึกษาสูงๆ หรือ คนรุ่นใหม่หน่อย ดังนั้นเวลาจะสื่อสารอะไรกับคนที่นี่ก็เหนื่อยเอาการอยู่
พอซื้อตั๋วเสร็จ ก็รอขึ้นเรือซึ่งจะปล่อยเป็นรอบๆ พอใกล้เวลาเรือจะออก ก็มาเข้าแถวกัน เรือเที่ยวนี้เดินทางจากมาเก๊าไปฮ่องกง ซึ่งเป็นเขตปกครองพิเศษทั้งคู่ และถือว่าเป็นคนละประเทศกัน ดังนั้นก่อนจะขึ้นเรือก็ต้องเอา passport ไปให้เจ้าหน้าที่ตรวจ โดยจะมีด่านตรวจ ณ จุดนี้ด้วย
หลังจากซื้อตั๋ว เข้าคิวเพื่อขึ้นเรือ และผ่านด่านตรวจ เรียบร้อยแล้วก็หาที่นั่งัน พอขึ้นเรือเสร็จก็จะเห็นว่าเป็นเรือที่มีขนาดใหญ่มาก จุคนได้เป็นร้อยเลยทีเดียว เรือนี้เดินทางไปฮ่องกงประมาณ 2 ชั่วโมง เรียกได้ว่านอนหลับยาวกันได้เลยครับ
ก่อนจะเข้าฮ่องกง ก็เขียนรายละเอียดใน arrival card อีกรอบ เพื่อใช้ในการเข้าด่านที่ฮ่องกง
มาถึงแล้วฮ่องกง จากท่าเรือก็ลากกระเป๋าหา Hop Inn Hotel ก็ไปไม่ค่อยถูก อาศัยกางแผนที่บวกกับถามคนไปเรื่อยๆ ในที่สุดก็ถึงโรงแรมที่พักเสียที
ป้ายด้านหน้าโรงแรมสังเกตไม่เห็นแฮะ มันอยู่ด้านใน ติดๆ 7-11 และไม่ไกลจากสถานีรถไฟใต้ดิน Tsim Tsa Tsui
Zone นี้ ถือ ว่าทำเลดีมากเลย เนื่องจากการคมนาคมสะดวก และมีร้านอาหารที่ถูกปากให้เลือกกิน เท่าที่ลองเข้าไปชิมมาแถวนี้อร่อยจริงอะไรจริง มีพริกแกงรสเผ็ดให้บริการด้วย ปกติอาหารจะออกจืดๆ เลี่ยนๆ แต่เจอพริกแกงลงไปก็จัดจ้านในพริบตา
วิธีการเดินทางหลักสำหรับทริปนี้ก็เป็นรถไฟใต้ดิน ซึ่งเราเลือกซื้อตั๋ว Octopus เป็น card ใช้เดินทางได้ทั้งรถเมล์และรถไฟใต้ดิน เติมเงินได้เรื่อยๆ (คล้ายๆ card ที่เราแลกเงินเวลาเข้าศูนย์อาหารในห้างบ้านเรา เวลาจะหมดก็เติมเงินได้)
พอมาถึงเราก็ออกเดินทางไป Peak Tram เลยเป็นอันดับแรก ที่นี่มีบริการรถรางลากขึ้นไปยอดเขาเพื่อชมวิวฮ่องกงด้วย ซึ่งราคาขึ้นรถรางก็แพงเอาเรื่องอยู่ (ตอนนั่ง Taxi ไป ยังโดน Taxi ประชดประชัน่าไม่เห็นฉลาดตรงไหนเลยที่ขึ้นรถรางไปตั้งหลายคน คิวก็ยาว ราคาก็แพงกว่าเหมา Taxi ขึ้นไปตั้งเยอะ)
จริงๆ หากม่นั่งรถรางขึ้นไป ก็เหมา taxi ขึ้นไปได้ แต่อาจจะไม่ได้นั่งรถรางเล่น เอาบรรยากาศ ซึ่งก็แล้วแต่เราครับ อยากนั่งเพื่อเอาบรรยากาศรถรางก็ต้องต่อคิว และจ่ายแพงกว่าหน่อย
พอถึงยอดเขา ซึ่งมีตึกสร้างต่อให้สูงขึ้ไปอีก ก็ได้วิวสวยๆ จากมุมสูงของฮ่องกง เสียดายกล้องมือถือไม่ค่อยชัด แต่ก็พอแก้ขัดได้
จากนั้นไปช๊อบต่อที่ Lady Market ก็ไม่ค่อยได้อะไรติดมือมา แบบว่ายังไม่เจอของที่ถูกใจ
การเดินทางวันที่ 2
เช้าวันใหม่ ตืนแต่เช้าเดินทางไปเรื่อยๆ ตามแผนที่ เก็บจุดไปเรื่อยๆ ตามแผน
Avenue Star
บรรยากาศ บริเวณ Avenue Star
Sky Car ฮ่องกง นั่งรถไฟไปจนสุดสาย ตอนรอขึ้นนี่คิวยาวมาก ตอนนั่งกระเช้าไปกลับรวมกันพบว่าเป็นระยะทางไกลมาก ตื่นเต้นดีครับ ไม่ควรพลาดันถ้ามาเยือนฮ่องกง
จากนั้นก็ไป Disney Land ต่อเราไปเกือบจะมืดล่ะ แต่ก็ยังได้เก็บรูปสวยๆ ไว้ได้อยู่บางส่วน
ใกล้คริสต์มาสแล้ว เริมมีประดับประดาด้วย Christmas Tree
ปราสาทเทพนิยาย เห็นแล้วคิดถึงแดนเนรมิตรบ้านเราจริงๆ
เส้นทางการเดินรถไฟใต้ดินของฮ่องกง
หน้าตาบัตร Octopus ของฮ่องกง ที่เราใช้เดินทางกันทุกๆ วัน ทำอะไรได้มากกว่าที่คิดนะเจ้าบัตรนี้น่ะ
สิ่งหนึ่งที่ชอบมากในการช่วยในการเนทางโดยรถไฟใต้ดิน คือ ไฟแสดงเส้นทางและตำแหน่งของรถทำให้ทราบว่าปัจจุบันเดินทางถึงจุดใดแล้ว และกำลังไปถึงสถานีใดต่อไป โดยมีไฟกำกับบอกชัดเจน อันนี้บ้านเรายังไม่มีนะ ต้องรอฟังเสียงจากเจ้าหน้าที่ที่ประกาศทางไมโครโฟนอย่างเดียว คุ้นๆ ว่าสิงค์โปร์ก็ทำแล้ว ขาดแต่เมืองไทย เมื่อไหร่จะทำหว่า
เผลอแป๊บเดียวมืดเสียแล้ว
พอเสร็จจาก Disney Land ก็นั่งรถกลับไปที่โรงแรมแล้วขนกระเป๋าเพื่อไปขึ้นเรือเพื่อไปเที่ยวต่อที่มาเก๊า
เป็นอันว่าหมดเวลาไปอย่างรวดเร็วสำหรับเวลาในฮ่องกง โพสหน้าจะเอาช่วงที่อยู่มาเก๊ามานำเสนอต่อครับ